‘โอเลี้ยง เชิญยิ้ม’ รับหนี้ท่วม! ขายสมบัติจนเกลี้ยง ยอมควักดวงตาขายข้างละ 8 ล้าน

  • By Entertainment Addict Editorial Team
  • 15 ต.ค. 2021 (18:57 น.)
  • 0

ยืดอกรับแมน ๆ ไปเลยว่าเป็นตลกตกอับ สำหรับ โอเลี้ยง เชิญยิ้ม เผยหนี้ท่วมหัว ขายสมบัติจนเกลี้ยง เคยคิดขายอวัยวะแลกเงิน ลั่น ชีวิตตอนนี้ที่อยู่ได้ เพราะอาศัยถุงยังชีพ พร้อมเคลียร์ประเด็นเกี่ยงงาน เพราะโรคหอบหืดขั้นรุนแรง จนถูกหามส่งโรงพยาบาลหลายครั้ง พ้อชีวิตตอนนี้รอเห็นความสำเร็จของลูกสาวจบปริญญา จากนั้นขอบวชตลอดชีวิต โดยเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีหนิง ปณิตา และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

มีโอกาสอ่านข่าว พี่โอเลี้ยง เชิญยิ้ม ปล่อยโฮชีวิตสุดลำบาก หนี้ท่วมหัวไม่เหลือแม้แต่เงินในบัญชีบาทเดียว ยอมควักดวงตาขายข้างละ 8 ล้าน มันเกิดอะไรขึ้น ?

โอเลี้ยง : ก็มันไม่มีอะไรเหลือแล้ว คือไม่มีอะไรที่จะขายแล้ว งานการก็ไม่มี เงินก็ไม่มี หมดหนทางแล้ว 2 ปีเต็ม ๆ ที่เจอสถานการณ์นี้ เราใช้ไปหมดแล้วของเก่า ขายไปหมดแล้ว รถ บ้าน

พี่คิดจริงหรือคิดเล่น ๆ ?

โอเลี้ยง : ทีแรกคิดอยู่นะ เพราะว่าเคยได้ยินข่าวว่าขายไตข้างนึงขายได้ มันก็ยังเหลืออีกข้าง เราเลยไปถามคนที่รู้จัก ถ้าขายดวงตาจะขายได้ไหม เขาบอกขายได้ งั้นก็ขายไปข้างนึง เรายังเหลืออีกข้าง เราก็ยังเหลืออีกข้าง ข้างนึงเขาจะซื้อหรือเปล่าประมาณนี้ ถ้าเกิดขายได้ก็จะขาย

ที่เป็นข่าว พี่ไปพูดที่ไหน ?

โอเลี้ยง : ผมพูดในไลฟ์ทางเฟซบุ๊กของพี่ แล้วก็พูดคุยว่าถ้าดวงตามันขายได้ ผมจะขาย ใครจะซื้อประมาณนี้ ขาย 8 ล้าน ข้างเดียว

เห็นว่าชีวิตตอนนี้มันหนักเหลือเกิน ?

โอเลี้ยง : ใช่ ๆ หลาย ๆ อย่างเลย ทั้งยืมเขามาใช้ ค่าบ้าน ค่าไฟ ค่าเทอมลูกที่จะมาถึงด้วย

พี่เป็นหัวหน้าครอบครัวแค่คนเดียว ?

โอเลี้ยง : รับผิดชอบคนเดียวทั้งหมดเลย

พี่ยังอยู่กับภรรยาไหม ?

โอเลี้ยง : เลิกไปประมาณ 5 ปีแล้ว แต่ว่าเขายังมาอยู่ด้วย แต่ก่อนเคยหนีจากเรานะ ตอนหลังไปไม่รอด แล้วมาอาศัยอยู่กับเรานะ เป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นน้องกันเพื่อลูก

ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาเก่าที่เป็นเพื่อนกัน อยู่ด้วยกัน 1 คน แล้วยังมีใครอีก ?

โอเลี้ยง : มีลูกสาวอีกหนึ่งคน คุณพ่อ คุณแม่ อยู่ต่างจังหวัด น้องสาวเขาดูแลอยู่

พอมันเกิดปัญหาแบบนี้ 2 ปีไม่มีงาน พี่เอาเงินมาจากไหน ?

โอเลี้ยง : เงินที่พอมีอยู่บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วไปยืมเขามาบ้าง ยืมเขามาใช้ ยืมเขามากิน บางทีก็ไปขอเจ้านายบ้าง ลูกพี่บ้าง แต่ขอบ่อยก็ไม่ไหว อายเขา

เห็นบอกว่าตอนไปเอ่ยปากหยิบยืมเพื่อน ก็เจอดูถูกกลับมาด้วย ?

โอเลี้ยง : ดูถูกกลับมา เล่นตลกมาไม่รู้จักเก็บ เห็นมีงานเยอะแยะ มีงานเยอะแล้วไง ค่าตัวแต่ละครั้งเราไม่ได้เรทสูง เราเรทกลาง ๆ ถูก ๆ ไม่ได้มากมาย ได้มาใช้ไป เขาบอกว่าเชิญยิ้มรวยทุกคนส่วนมาก ทำไมมึงแย่กว่าเพื่อนวะ ประมาณนั้นอะ

เขาพูดแบบนี้แล้ว เขาให้ยืมไหม ?

โอเลี้ยง : ก็บอกว่าไม่เป็นไร ช่วย เสร็จแล้ว แต่ยืมไป ๆ มา ๆ ก็ไม่เอาหรอก เอาไปใช้

ตอนื้ที่เป็นตลกอยู่แล้วมีงาน ตอนนั้นรายได้พี่ ถ้าเทียบกับคนอื่น ๆ เราอยู่ประมาณไหน ?

โอเลี้ยง : ก็ประมาณกลาง ๆ เพราะส่วนมากตลกเขาจะรับเป็นคณะ มันไม่ใช่คนเดียว คณะนึงบางทีไปงานก็ 4-5 หมื่น ถ้าใกล้ ๆ ก็ 3 หมื่น ก็เฉลี่ยกันหลาย ๆ คน ไม่ได้รับคนเดียว งานคนเดียวก็มีบ้าง แต่ก็ไม่มาก แต่ส่วนมากจะรับเป็นคณะมากกว่า

เมื่อก่อนงานอู้ฟู่มาก เงินที่ได้จากตรงนั้นไปอยู่ไหนหมด ?

โอเลี้ยง : ได้มาใช้ไป ค่าใช้จ่าย ค่ารถ ต้องผ่อนบ้านอยู่ ค่าเรียนลูก เราก็ดูแลคนเดียว ค่าใช้จิปาถะทุกอย่าง มันก็เลยได้มาใช้ไป

การได้มาใช้ไป มันก็จะพอดีกับรายได้ รายจ่าย ณ ตอนนี้เห็นว่ามีหนี้เยอะมาก หนี้เกิดจากอะไร ?

โอเลี้ยง : ยืมมาใช้นี่แหละ เพราะว่าตอนหลังเงินไม่มีเก็บ ก็ยืมมาจ่ายค่าบ้าน ค่าไฟ ค่ากินบ้าง หลัง ๆ ก็ไม่รู้ว่าไปยืมใคร อายเขา

พอไปยืมมาแล้วเราไม่มีคืน ก็ไปยืมอีกเจ้าหนึ่งมาใช้อีกเจ้า ?

โอเลี้ยง : ใช่ ๆ หนี้ก็ทบ ส่วนมากเพื่อนยืมเพื่อน ไปขอเจ้านาย ขอลูกพี่บ้าง แต่พอขอบ่อย ๆ ก็อายเขา เกรงใจ

ตอนนี้พี่เป็นหนี้เท่าไหร่ ?

โอเลี้ยง : จริง ๆ ก็มีค่าบ้าน ค่าไฟ ค่าไฟนี่เรียบร้อยไปแล้ว ค่าใช้จ่ายจิปาถะในบ้านก็ประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท มันมีค่าส่วนกลางของหมู่บ้านด้วยที่ยังไม่ได้จ่าย ติดเขามา 2 ปีแล้ว ไม่มีจะจ่าย แล้วเราก็เครียด หนี้มันไม่ได้เยอะมาก แต่ว่าต่อไปเราจะเอาที่ไหนมาใช้เขา เราคิดอย่างนั้น มันไม่มีรายได้เข้ามา คือยืมมาแล้ว

หนักถึงขั้นมีเจ้าหนี้มาทวงด้วย แต่ทวงแล้วไม่มีให้เขา ?

โอเลี้ยง : ไม่มี ๆ ขอผลัดไปก่อน โทรมาทวง บอกขอเวลาหน่อย เดี๋ยวก็มีงานเข้ามา รอโควิดหายก่อนแล้วค่อยว่ากัน

พอเจ้าหนี้มาทวง แล้วพี่ต้องไปหยิบยืมเขา พี่รู้สึกยังไงกับชีวิตบ้างตอนนี้ ?

โอเลี้ยง : ณ ตอนนั้นจุกอกเหมือนกัน มันก็ไม่รู้จะโทษใคร ก็โทษตัวเอง เราต้องยอมรับตัวเอง ยอมรับสภาพว่าเขาดูถูกก็เขาดูถูก ช่างมัน เราเป็นจริง ไปโทษใครได้

พี่คิดว่ามันเกี่ยวกับการบริหารการเงินที่ผิดพลาดของตัวเราเองด้วยไหม ที่เราได้มาใช้ไป แล้วเราไม่มีเก็บไว้สำหรับอนาคตอาจจะลำบาก ?

โอเลี้ยง : มันมีส่วนว่าเราบริหารจัดการยังไม่เก่ง ยังไม่รู้จะจัดการระบบไหน พอได้มาก็ใช้ไป ไม่รู้จักวางแผนระยะยาว มันก็เป็นแบบนี้

คำว่าตกอับ พี่ได้ยินคำนี้ พี่รู้สึกยังไงบ้าง ?

โอเลี้ยง : พี่คิดว่ามันเป็นวาทะกรรมมากกว่า ตลกตกอับ ศิลปินตกอับ เราก็ยอมรับนะ ผมโอเค ผมตกอับ คนจะพูดก็พูดไป ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว หมดหนทางจริง ๆ ผมจะไปโต้แย้งอะไร ผมก็อับจริง ๆ ถ้าเราอับไม่จริงเราเถียงได้ เราเถียงไม่ได้ เรายอมรับ

แต่พี่ขายลูกตาไม่ได้นะ มันผิดกฎหมาย ?

โอเลี้ยง : ตอนนี้ไม่คิดจะตัดแล้ว เพราะอยากเห็นอนาคตลูกมากกว่า อีกอย่างเรามาคิดว่า คนก็มาดูถูกขายตาไปแล้ว แล้วต่อไปมึงไม่ขายไตมึงเหรอ ไม่ขายตับ คนไม่ใช่หมูจะได้ขายทุกอย่าง

มันพูดไปด้วยความน้อยใจในโชคชะตาของชีวิตหรือเปล่า ?

โอเลี้ยง : ใช่ น้อยใจโชคชะตาชีวิตมากกว่า

หลายคนก็มีคำถามว่ามันมีทางอื่นที่หารายได้ได้ ทำไมพี่ไม่ไปทำแบบขายลูกชิ้น ขายหมูปิ้ง ซึ่งสร้างรายได้ได้เหมือนกัน ?

โอเลี้ยง : มีคนแนะนำว่าไปขายลูกชิ้นไหม วันนึงก็ได้ 500 กว่าบาท ก็โอเคนะพี่ ไปรับลูกชิ้นมา เราคนเดียว ต้องไปรับลูกชิ้น ตื่นแต่เช้า ไปก่อไฟ ย่าง เข็นรถไป เราไม่สะดวก ด้วยสุขภาพของตัวเองหอบ เหนื่อยง่าย จะทำอะไรคล่องแคล่วไว ๆ แค่เดินขึ้นบันได 2 ขั้นก็สภาพนี้แล้ว เพราะ 3 เดือนต้องไปหาหมอที เลยทำอะไรหนัก ๆ ไม่ได้ เหนื่อยมาก ๆ เราจะไปทันอะไรกินเขาล่ะ แล้วอดีตภรรยาขายน้ำส้มอยู่หน้าหมู่บ้าน ก็ช่วยค่ากับข้าว ช่วงหลัง ๆ ก็ขายไม่ค่อยดี ให้เขามาช่วยเขาคงจะไม่เอา เขาจะตามใจเขา เขาชอบขายแบบนี้

แล้วลูกสาวมีส่วนช่วยอะไรบ้างไหม ?

โอเลี้ยง : เขาเรียนอยู่ ไม่อยากให้อะไรมากมาย เขาช่วยในช่วงปิดเทอม มีเวลาว่างแล้วไปรับจ๊อบพิเศษ เพื่อหารายได้มาช่วยบ้าง แต่เราก็ไม่อยากให้ลูกหักโหมมาก เพราะเขาเรียนอยู่ เราอยากจะช่วยลูกมากกว่า

เห็นบอกว่าต้องพกยาฉุกเฉินไว้ในตัวตลอด ?

โอเลี้ยง : พกตลอด

ที่บอกว่าเป็นโรคประจำตัวคือหอบหืด ?

โอเลี้ยง : พอเดินหรือวิ่ง ก็ต้องพ่นแล้ว แต่ถ้าไม่ฉุกเฉินจะมีเครื่องพ่น ต้องซื้อเอง 2 พันกว่าบาท ราคาถูกนะ ถ้าแพง ๆ ก็ 4-5 พัน แล้วก็ต้องซื้อยามาเอง กล่องก็ 800 ต้องประมาณ 2 โดสถึงจะอยู่

เป็นนานหรือยังหอบหืด ?

โอเลี้ยง : เป็นมานานแล้วครับ พอไปหาหมอเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองหนัก แต่ก่อนไม่เคยไปหาหมอเราไม่รู้ ตอนหลังไปหาหมอ หมอบอกหนัก 4-5 ปีแล้ว สภาพนี้ต้องไปหาหมอทุก ๆ เดือน

เห็นว่าถ้าพ่นยาไม่ทันต้องหามส่งโรงพยาบาล ?

โอเลี้ยง : มีครับ มีเข้า ICU ครั้งหนึ่ง แรงมาก วันนั้นมันก็เพลีย ก็บอกลูกขับรถไปที่โรงพยาบาล หมอก็เข้าห้องฉุกเฉินเลย เขาใส่อะไรเต็มไปหมด แล้วเขาฉีดยาสะดุ้ง คืนมาได้

หมอได้บอกไหมว่าสาเหตุมาจากอะไร ?

โอเลี้ยง : เกิดจากเพราะหลอดลมมันตีบตัน แล้วอีกอย่างไม่ใช่แค่หอบหืด กระเพาะด้วย จะไปทำงานก็พกยาเป็นถุง ใครจะไปทำงานสะดวกคนเดียว ใครจะไปไหว

พอมีข่าวมาแบบนี้ มีพี่น้องในวงการ ติดต่อมาช่วยบ้างไหม ?

โอเลี้ยง : ก็มีอยู่หลาย ๆ ท่าน ท่านนายกโอบะก็โทรมาให้กำลังใจ แล้วเพื่อน ๆ ตลกรุ่นน้องรุ่นพี่โทรมาให้กำลังใจ พี่ถั่วแระด้วย ก็ให้กำลังใจ สู้ ๆ บางคนเขาก็แย่เหมือนกัน

แต่ก็มีคนนี้เข้ามาช่วย ?

โอเลี้ยง : พอรู้เรื่องพี่บิณฑ์กับพี่เอกพันธ์ก็ช่วยทันทีเลย แล้วท่าน ดร.มนัส ด้วย พอพี่บิณฑ์รู้ก็โอนมาเลย คุยผ่านน้องผึ้ง เพราะเขาสนิทกัน

มีโอกาสติดต่อไปขอบคุณเขาไหม ?

โอเลี้ยง : ขอบคุณทั้งโพสต์ไปแล้วและฝากขอบคุณไปแล้ว ส่วนตัวก็รู้จักแต่ไม่สนิทกัน เขาก็มาช่วย ได้มาแบ่งเบาภาระเบื้องต้น ค่าไฟก็จ่ายหมดเลย 5 เดือน

ตอนที่พี่รู้ว่าพี่โอเลี้ยงลำบาก พี่ก็โอนเงินให้เลย 10,000 บาท ?

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ : จริง ๆ พี่เป็นคนอย่างนี้ ไม่ใช่แค่พี่น้องในวงการ ใครก็แล้วแต่ ถ้าพี่รู้เรื่องว่าเขาลำบากพี่ก็อดไม่ได้ที่จะช่วย แต่นี่เป็นพี่โอเลี้ยง เคยร่วมงานแล้วพี่โอเลี้ยงเขาเป็นคนดี งั้นก็เอาเบื้องต้นนิดนึง ถ้ามันถึงวิกฤตจริง ๆ จะเข้าไปแล้วไปพูดคุย แล้วก็ลงหน้าแฟนเพจด้วย ก็ขอความกรุณาจากพวกวงการบันเทิง ให้เขาได้ตั้งตัว ให้เขายิ้ม ให้เขามีความสุข เราก็สบายใจ เพราะฉะนั้นการตัดสินใจช่วย ไม่ใช่ว่าดีหรือไม่ดี พอรู้ปุ๊บเราก็ช่วยทันที

ได้ฟังแบบนี้พี่รู้สึกยังไงบ้าง ?

โอเลี้ยง : ดีใจมาก ขอบคุณพี่มากนะครับ

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ : สู้ ๆ นะพี่โอเลี้ยง อย่างน้อยคนในวงการบันเทิง จะอยู่ดี มีสุข หรือทุกข์ ให้บอกผมมา อย่างน้อยเบื้องต้นผมช่วยได้อยู่แล้ว เพราะว่าเราไม่ทิ้งกัน ถ้าคนวงการทิ้งกันก็ไม่รู้ว่าใครจะมาช่วยเรา เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกันเอง ดูแลตัวเองด้วย มีอะไรบอกผมได้เลย พี่ช่วยตลอด

โอเลี้ยง : ขอบคุณพี่ท็อปมากๆ พี่เอกพันธ์ ด้วย ที่ช่วยเหลือในเบื้องต้น เหมือนปลดความทุกข์ออกไปจากตัวน้อง

พี่ไลฟ์ขอรับบริจาค ?

โอเลี้ยง : คือมันไม่มีอะไรทำ ก็เลยมาพูดมาคุย ไป ๆ มา ๆ ก็มีเพื่อนๆ แนะนำมา ลองไปไลฟ์ร้องเพลง ขอพวงมาลัยออนไลน์ คนอื่นก็มีเยอะแยะ เราก็เอาว่ะ วันแรกก็เงียบ ไม่มีเลยสักพวงเดียว วันที่ 2 มีมาพันนึง พอวันที่ 3 ไม่มีสักบาท วันที่ 4 ก็ไม่มีสักบาท ก็ไม่ทำต่อ รู้สึกละอายใจ

เหรียญมันมีสองด้าน แต่ก็มีคนบางกลุ่มคิดว่ามีคนที่ลำบากกว่าพี่ พี่คิดยังไง ?

โอเลี้ยง : มองอยู่เหมือนกัน รู้สึกละอายใจ ยอมรับว่าตัวเอง มือ เท้า มี แต่ด้วยสุขภาพและอายุ เราเข้าใจสถานการณ์ว่าคนลำบากกว่าเราเยอะ เราก็ไม่ใช่จะมาขอบริจาค แต่ว่าหากผู้ใหญ่เมตตา แบ่งเบาภาระ ก็โอเค แต่จริง ๆ พี่อยากจะมาพูดขอเรื่องงานมากกว่า ไม่ได้เน้นเรื่องบริจาคของ ตอนนี้ก็มีงานเข้ามาแล้ว

ชีวิตทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยถุงยังชีพ ?

โอเลี้ยง : ถุงยังชีพจริง ๆ ข้าว น้ำปลา น้ำมันพืช อยู่ในนั้นครบ ซึ่งได้มาจากสมาคมตลก วัดพระบาทน้ำพุก็มาช่วยบ้าง แล้วมูลนิธิต่าง ๆ ก็มาช่วยผ่านสมาคมตลก มันก็มีอยู่เรื่อย ๆ แต่อาหารมันมีน้อย ปลากระป๋องมีอยู่ 4-5 กระป๋อง ก็ไม่มีอะไรกินแล้ว เงินจะซื้อไข่ก็ไม่มี

ตอนนี้เงินในบัญชีพี่มีเท่าไหร่ ?

โอเลี้ยง : ตอนนี้เหลืออยู่ 8,000 ครับ เพราะว่าที่ได้มาก็ไปจ่ายเขา ค่าไฟ ค่าบ้าน ใช้หนี้ ใช้สินเขาบ้าง ตอนนี้เหลือ 8,000 เพราะว่าเราไม่ได้รับบริจาค มีเพื่อน ๆ ก็โอนมาให้บ้าง

ตอนนี้บ้านผ่อนหมดยัง ?

โอเลี้ยง : พูดถึงบ้าน หลุดจำนอง ขายฝาก เป็นของเขาไปแล้ว

แล้วพี่อาศัยอยู่ที่ไหน ?

โอเลี้ยง : อาศัยเช่าบ้านตัวเองอยู่ ช้ำใจไหมละ ทั้ง ๆ ที่จะเป็นของตัวเองอยู่แล้ว

พี่เคยคิดไหมว่าวันนึงชีวิตจะมาถึงจุดนี้ ?

โอเลี้ยง : ไม่เคยคิดเลย บ้านหลังนี้คิดว่าให้เป็นทรัพย์สมบัติของลูก เราก็มาจากบ้านนอกไม่มีอะไรติดเนื้อ ติดตัวมา มาจากบ้านก็มีลังกระดาษใส่เสื้อผ้า สร้างฐานะตัวเองได้ก็โอเค ตอนนั้นภูมิใจ ผ่อนบ้านจะหมดอยู่แล้ว มันมาเกิดปัญหาลูกจะเข้ามหาวิทยาลัย สรุปงานการไม่มี ต้องไปขายฝาก พอขายฝาก 7 แสน ติดธนาคารอยู่ 3.8 แสน ใน 7 แสนต้องไปใช้ธนาคารให้หมดก่อน แล้วจะไปโอนเป็นของเขาได้ แล้วมาเสียดอกเบี้ย เหลืออยู่แสนกว่าบาท คือขายฝาก ถ้า 6 เดือนคุณไม่ไปเอา ก็เป็นของเขาไปเลย

แล้วทุกวันนี้พี่เช่าอยู่ราคาเท่าไหร่ ?

โอเลี้ยง : พอดีมีผู้ใหญ่ใจดีไถ่มาให้ พี่ก็เลยได้เช่าต่อ 4,500 แล้วก็ค่าส่วนกลางอีก 400 ก็เท่ากับ 5,000 ต่อเดือน รถทุกวันนี้ไม่มีแล้ว

เคยมีช่วงท้อ ๆ จนอยากจบชีวิตตัวเองไหม ?

โอเลี้ยง : เคยครับ ชีวิตเรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง มันไปหาที่ไหนไม่ได้ มืด 8 ด้านไปหมดเลย คนอื่นยังมีคนหยิบยื่นมาช่วยเหลือ เราไม่มีใครแล้ว แล้วลูกเรากำลังเรียนอยู่ ซึ่งเรารับผิดชอบ ทำไมเราทำเพื่อเขาไม่ได้ บางทีอยากไป ๆ ให้มันจบ บางทีมันคิดไปไม่ได้ มันคิดถึงอนาคตเขา อยากเห็นอยาคตลูก อยู่ให้ลูกเรียนให้จบก่อน มันท้อใจนะ ต้องมาเช่าบ้านตัวเองอยู่ มันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง

ลูกว่ายังไงบ้าง ?

โอเลี้ยง : ลูกก็ให้กำลังใจ สู้ ๆ เขาเข้าใจพ่อ

พี่โดนอะไรบ้างจากกระแสที่ออกมา ?

โอเลี้ยง : ลูกคนเดียวเลี้ยงไม่ได้ บางคน 4 คนเขายังเลี้ยงได้เลย คือต้นทุนไม่เหมือนกัน

ติดตามรับชมรายการ “คุยแซ่บShow” ย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama


Entertainment Addict Editorial Team
อ่านทั้งหมด