สุดอาลัย น้องน้ำแข็ง เด็ก 8 ขวบ สู้มะเร็ง ทำพิธีซ้อมตาย ก่อนจากไปอย่างสงบ

  • By Entertainment Addict Editorial Team
  • 21 มิ.ย. 2022 (19:15 น.)
  • 0

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่โลกโซเชียลแห่แชร์กันในขนาดนี้ สำหรับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ น้องน้ำแข็ง เด็กหญิงวัย 8 ขวบ ที่ป่วยเป็นมะเร็งกระดูกตั้งแต่เด็ก ซึ่งทั้งตัวของน้องเอง คุณพ่อ คุณแม่ก็พยายามต่อสู้กันทุกวิธีทาง ไม่ว่าจะเป็นการเคมีบำบัด ผ่าตัด หรือการฉายแสง ท่ามกลางกำลังใจที่ยังถูกส่งไปหาทั้ง น้องน้ำแข็ง และครอบครัวเป็นจำนวนมาก

จนกระทั่งช่วงต้นเดือน มิถุนายน น้องน้ำแข็งได้มีการอาการเหนื่อยหอบ ค่าออกซิเจนต่ำลง ซึ่งคุณแม่บอกว่า น้องต้องอาศัยเครื่องออกซิเจนอยู่ตลอด กินข้าวได้น้อยลงตามลำดับ และเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพจ พิมพ์ธิฌาย์ ฤทธาธนาเศรษฐา ก็ได้ออกมาแจ้งข่าวเศร้าว่าน้องได้จากไปอย่างสงบแล้ว ด้วยใจที่เตรียยมพร้อม

“น้องไปด้วยใจที่เตรียมพร้อม ระหว่างรอดูสถานการณ์ของร่างกายที่สร้างความเหนื่อย หายใจไม่ทัน ต้องนอนแบบนั่งมาหลายวัน หายใจแรง โยกทั้งไหล่ ทั้งคอ และความปวดในบางจุด น้องได้บอกพ่อแม่ว่าห้ามให้ยามอร์ฟินแบบฉีดจนกว่าหนูจะรู้สึกไม่ไหวจริง ๆ ถ้าพอไหว ขอแค่เป็นยาน้ำ กับแบบแผ่นแปะก่อน หนูยังไม่ยอมใช้ฉีด จนถึงจุดที่น้องคิดว่ายื้อไม่ไหวแล้วจริง ๆ

ลิ้นเริ่มแข็ง พูดลำบาก กินได้แค่จิบน้ำ แต่ยังบอกกับม้าว่าหนูรู้สึกมีความสุข หลังจากบอกเสร็จประมาณ 4-5 ชม. ความปวดจุดใหม่เริ่มมา น้องปวดแบบต้องยกตัวขึ้นทั้ง ๆ ที่แทบไม่มีแรง จึงได้บอกพ่อแม่เอาถึงเวลาเอามอร์ฟินแบบฉีดแล้วถึงระงับความปวดอยู่ แล้วตัวน้องก็รู้ว่าการฉีดครั้งนี้คือการหลับยาว แต่ไม่มีความหวั่นไหวใด ๆ น้องตั้งรับกับสิ่งที่ต้องเผชิญ โดยไม่มีน้ำตาใด ๆ

หลักจากฉีดไปได้ 15 นาที อาการปวดเริ่มสงบ แล้วหลับ อีก 30 นาทีถัดมาได้ตื่นมาพูดอะไรบ้างอย่างดี ๆ เป็นครั้งสุดท้าย (ป๊าหนูทำเต็มที่สูงสุดแล้ว หนูไม่เอาแล้ว หนูปล่อยแล้ว) แล้วหลับยาวจนครบ 7 ชั่วโมงจนหัวใจหยุดเต้นค่ะ พ่อแม่ได้ทำหน้าที่ส่งน้องในวาระจิตสุดท้ายอย่างเต็มที่ตามหลักศาสนาพุทธค่ะ **ไม่อยากให้ทุกท่านเสียใจค่ะ แต่อยากให้ยินดีที่น้องได้พักเสียที หลังจากเหนื่อยมานาน และช่วยร่วมอวยพรให้น้องได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีกว่ามนุษย์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บค่ะ ขอบพระคุณค่ะ”

และล่าสุด (18 มิ.ย.) เพจของน้องน้ำแข็ง ได้มีการโพสต์ภาพในงานพิธีฌาปนกิจ พร้อมกับเล่าเรื่องราวของน้องก่อนที่จะจากไป ที่ครอบครัวและตัวของน้องเองได้ทำก่อนที่จะเสียชีวิตก็คือ การซ้อมเตรียมตัวตาย

“ลงรูปย้อนหลังวันรดน้ำศพ น้องไปแบบสดใส หน้าตายิ้มแย้ม (อมยิ้มโชว์ฟัน 2 ซี่ด้วย ป๊าเพิ่งแปรงฟันให้โชว์ได้ค่ะ) เป็นการจากไปที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้ สิ่งที่ทางครอบครัวและตัวน้องได้ทำก่อนน้องตายจริง คือการซ้อมเตรียมตัวตายค่ะ ซ้อมบ่อย ก่อนวันตายจริง 1 วัน ลิ้นยังไม่แข็ง ลิ้นยังพูดปกติ (แต่การหายใจของน้องก็เหนื่อยขึ้นมากแล้ว)

แม่น้องบอกว่า “น้ำแข็งดูร่างกายนี้นะ เห็นไหม เราสั่งไม่ได้ บังคับไม่ได้ สั่งให้มันหายดีก็ไม่ได้ สั่งให้มันห้ามเจ็บห้ามปวดก็ไม่ได้ ร่างกายนี้เรายืมโลกมาใช้ชั่วคราว ถึงคราวที่ร่างกายนี้มันไม่ไหวแล้วจริง ๆ ทิ้งมันไปนะลูก ทิ้งมันไป มันเป็นตัวสร้างทุกข์ ไม่ต้องไปรั้งมันไว้ ตั้งจิตตั้งใจให้ตัวหนูมีอิสระจากร่างกายที่สร้างทุกข์เสียที”

น้ำแข็ง แซวแม่กลับว่า ม้าซ้อมตายแล้วถ้าเกิดไม่ตายอะ ไม่ซ้อมฟรีเหรอ ?? ม๊าตอบ ไม่ตายไม่เป็นไร แต่ถ้าตายเราซ้อมตายเผื่อไว้แล้ว จะได้ไม่ขาดทุน (น้ำแข็งก็โอเค เข้าใจแต่โดยดี) ที่สำคัญหากร่างกายทรุดลงไปเรื่อย ๆ มาซ้อมตายตอนนั้น ม๊ากลัวหนูจะเริ่มฟังไม่รู้เรื่อง รีบซ้อมตายตอนที่ยังมีเรี่ยวแรง มีสติที่มากพอก่อนนะคะ เพราะจิตสุดท้ายสำคัญ ยามหนูจะต้องจากไปม๊าอยากให้หนูไม่ติดอะไร ไปแบบจิตของผู้ที่เห็นธรรมะ เห็นความไม่ใช่ของเรา เห็นว่าเป็นสิ่งที่เกิดดับ ตั้งอยู่ชั่วคราว อย่าไปโศกเศร้ากับสิ่งที่ไม่สามารถยึดมั่นถือมั่นได้

ก่อนหน้าแม่ลูกเคยคุยว่าสมมุติถ้าหนูต้องตายหนูจะเสียใจอะไรบ้างไหม (แม่ของน้องมองว่าจำเป็นต้องคุยเพราะเห็นความสำคัญว่าคนเราก่อนจะไป จิตใจต้องหมดห่วงก่อน) น้องตอบ อย่างที่ 1 หนูมีความฝันอยากเป็นนักวาดรูปมืออาชีพ หนูยังไม่ได้ทำเลยเลยยังไม่อยากตาย (ม๊าตอบ เรื่องนี้จะอยู่หรือจะตายถ้าชอบวาดรูปอยู่ที่ไหนก็วาดได้ สำคัญที่หนูต้องไปดี ไปด้วยจิตดีอย่ามีห่วง จบประเด็นเรื่องวาดรูปแบบเข้าใจดี )

เรื่องที่ 2 หนูไม่อยากตายหนูอยากอยู่กับป๊าม้า หนูมีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้าง และถ้าหนูไม่อยู่ตายไปม้าจะเสียใจมากไหม? หนูไม่อยากให้ม้าเสียใจ และหนูอยากตอบแทนบุญคุณม้าที่ค่อยเหนื่อยดูแลหนูมาตลอด ยามม้าแก่หนูอยากเป็นคนดูแลม้า

ม้าตอบ หนูไม่ต้องห่วงหากหนูไปดี ไปด้วยจิตที่ปล่อยวาง หากหนูจะมาหาม้าเมื่อไหร่ก็ได้ หนูไม่ต้องกังวล ม้ารู้หนูเก่ง ม้าจะเข้มแข็งม้าจะเก็บความคิดถึงหนูเป็นแรงผลักดันให้ตัวม้าขยันเจริญสติ เพื่อพัฒนาจิตใจตัวเอง ให้มีดวงตาเห็นธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป และให้อานิสงฆ์นี้ถึงแก่ตัวหนู และม้าจะทำทุกวัน ม้าก็จะทำตัวม้าให้ดีพอที่วันหนึ่งเราจะได้ไปพบกัน ส่วนยามม้าแก่ หนูไม่ต้องห่วงค่ะ ม้าเก่งม้าดูแลตัวเองได้ ม้าก็มีญาติพี่น้อง ม้ามีเงินเก็บ ม้าเอาตัวรอดได้ หนูสบายใจได้เลยนะลูก ม้าหวังแค่หนูได้ไปอยู่ดีมีสุข……

แล้วหนูยังมีเรื่องอะไรอีกไหมที่ทำให้หนูไม่อยากตาย หากถึงเวลาต้องตาย ? น้องตอบไม่มีแล้วค่ะ จำคำม้าไว้นะ ม้าดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วงม้าค่ะ และวันนี้ม้าก็ทำได้จริง ๆ ไม่ได้โกหกหนู เพราะหนูไปสบายแล้ว หนูไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเจ็บแล้ว ม้าควรต้องยินดี ๆ ๆ เพราะความสุขของหนู คือความสุขของม้าค่ะ
รักหนูน้ำแข็งเหมือนเดิม

แม้ม้าจะไม่เห็นหนู แต่ม้ากลับรู้สึกว่าหนูยังอยู่ข้าง ๆ ม้า ปกติม้าจะป้อนข้าวหนู ทำอาหารให้หนูทุกวัน ในการดูแลหนู วันนี้ม้าก็ยังดูแลหนูเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนจากการทำกับข้าวป้อนข้าว มาเป็นการนั่งสมาธิให้หนูแทน และม้าจะดูแลหนูแบบนี้ทุกวันจนม้าตายค่ะ เพื่อหวังว่าอานิสงส์แห่งการเจริญสติ เพื่อให้เห็นอริยสัจ 4 จะส่งผลโอบอุ้มดวงจิตของหนูในทุกๆวัน

**หน้าที่ ๆ ทำต่อมาคือ ค่อยดึงพ่อน้องน้ำแข็งให้ไม่โศกเศร้า ต้องปรับความคิด พร้อมบอกลูกไปดี เราควรยินดี เรามีโอกาสทำหน้าที่พ่อแม่อย่างเต็มที่วินาทีสุดท้ายของลูก การที่เราเศร้าเพราะคิดถึงลูก อันนี้เป็นเพราะความอยากของเรา คือเราอยากให้ลูกอยู่ อันนั้นเป็นปัญหาของตัวเรา ไม่ใช่ปัญหาของลูก เพราะลูกไปสบายแล้ว หากลูกมองมาเราเอาแต่โศกเศร้าแล้วพลังจิตที่โศกเศร้าของเราจะไม่ส่งถึงลูกเหรอ

ดังนั้น รีบดึงสติให้ไว ว่าความโศกเศร้าก็เป็นของที่พร้อมจะมากระแทกเราอย่างหนักหน่วงในช่วงแรก เราไม่ควรปล่อยตัวปล่อยใจให้จมอยู่กับความเศร้า มันมีแต่โทษ ไม่มีประโยชน์ ให้เศร้า 3 ปีเลยก็คืนคนตายกลับมาไม่ได้ แต่ควรรีบเจริญสติเห็นความเศร้าเป็นของชั่วคราว เกิดดับได้ เปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นการพัฒนาจิตใจของเราแล้วให้อานิสงส์ถึงแก่ตัวลูก ถึงเรียกว่าเป็นพ่อแม่ที่พยายามทำแต่สิ่งที่ดี ๆ ให้ลูกขอจบการสนทนาค่ะ”

ขอบคุณภาพและข้อมูล : เพจ พิมพ์ธิฌาย์ ฤทธาธนาเศรษฐา


Entertainment Addict Editorial Team
อ่านทั้งหมด