กระติก ไม่ตกใจ ถูกเรียก 179 ล้าน ยัน! คุณแม๊ ไม่เคยรู้รายรับ-รายจ่าย แตงโม

  • By Entertainment Addict Editorial Team
  • 28 เม.ย. 2023 (15:43 น.)
  • 0

จากกรณีที่ คุณแม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ แตงโม นิดา ได้มีการยื่นหลักฐานเพิ่มเติม ยื่นคำร้องขอให้กับศาลพิจารณา บังคับจำเลยชดใช้สินไหมทดแทน หลังจากที่มีการพบเอกสารสำคัญ เป็นเอกสารสัญญาว่าจ้างงาน และรายละเอียดการเดินบัญชีเกี่ยวกับรายได้ลูกสาว จึงคำนวณคร่าว ๆ ว่าคุณแม่จะขาดประโยชน์จากการได้รับการดูแลเยียวยาจากลูกสาว ไปอีกประมาณ 20 ปีซึ่งเป็นที่มาของจำนวนเงิน 179,000,000 ที่จะมีการยื่นต่อศาล ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด (28 เม.ย.) ข่าวช่อง 3 ได้มีการรายงานเพิ่มเติมว่า นายวิศาพัช หรือ แซน มโนมัยรัตน์ นางสาวอิจศรินทร์ หรือ กระติก จุฑาสุขสวัสดิ์ และนายภีม ธรรมธีรศรี พร้อมนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความของ นายแซน ได้เดินลงมาจากศาลโดยให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ว่าขณะนี้เป็นช่วงพักเบรคเนื่องจาก นายจ๊อบ ไม่สบายเพิ่งเดินทางมาถึงและอยู่ในขั้นตอนการสอบคำให้การ

ซึ่งในส่วนของจำเลยทั้งสาม มีการดำเนินการขั้นตอนดังกล่าวเสร็จสิ้นเรียบร้อยศาลจึงให้ลงมาพักก่อน โดยนายพรศักดิ์ ระบุว่า เบื้องต้นตนเองได้ เห็นคำร้องบังคับจำเลยชดใช้ในจำนวน 179 ล้านบาทแล้วจริง

ซึ่งเบื้องต้นตนเองได้ดำเนินการยื่นคำร้องให้ศาลพิจารณาให้ทางคุณแม่วางเงินค่าทำเนียมศาล เนื่องจากคำร้องที่ขอบังคับจำเลยมีมูลค่าสูง ซึ่งในส่วนของก่อนหน้านี้เงินจำนวน 40,000,000 ที่ทางคุณแม่เคยมีการเรียกกับทางฝั่งจำเลยตนเองก็เคยยื่นขอให้ศาลพิจารณาสั่งวางเงินค่าธรรมเนียมศาลแต่ในครั้ง นั้นศาลเห็นว่าเป็นสิทธิ์ที่ทางจำเลยสามารถดำเนินการได้ โดยไม่จำเป็นต้องวางค่าธรรมเนียมศาล แต่ในครั้งนี้มูลค่าสูงต้องรอดูว่าศาลจะพิจารณาในประเด็นนี้อย่างไร

ส่วนเอกสารที่ทางคุณแม่ยื่นประกอบคำร้อง ได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นซึ่งทางตนเองจะได้มีการรวบรวมข้อมูลจากทาง กระติก ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัว และรู้เกี่ยวกับเรื่องของงานต่าง ๆ ของทางคุณแตงโมอีกครั้ง เพื่อใช้ต่อสู้หรือซักค้านกับทางฝั่งคุณแม่อีกครั้งในขั้นตอนการสืบพยาน

ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้เบื้องต้นได้มีการหารือเรื่องของการนัดตรวจพยานหลักฐานคาดว่าจะมีการนัดหมายในวันที่ 29 มิถุนายนที่จะถึงนี้ และหากการนัดตรวจพยานหลักฐาน เรียบร้อยดีก็เชื่อว่าจะมีการนัดสืบพยานแรกในคดีนี้ในวันที่ 3 สิงหาคม

ขณะที่ แซน ระบุว่า กรณีเรื่องที่ตนเองพูดเรื่องวิบากกรรม (โซเชียล) เนื่องจากตนเองเห็นว่าบุคคลที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งการออกมาแสดงความคิดเห็น หรือออกมาเคลื่อนไหวก็ได้รับผลแห่งกรรมเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผลแห่งกรรมนั้นจะเป็นอย่างไรขอให้ไปถาม เพจ ออยสีและผองเผือก

ซึ่งตนเองไม่ขอซ้ำเติมเนื่องจากคนล้มไม่ควรข้าม แต่ขอหยุดดูแทน และตนเองไม่คิดมาก แค่คิดว่าในข่วงนั้นคนเหล่านี้ไม่คิดถึงพวกเราบ้างเลย ถ้าเราอ่อนแอ และผ่านเรื่องแบบนี้ไม่ได้ หรือฆ่าตัวตาย จะทำอย่างไร พวกเค้าไม่เคยสนใจ ส่วนตัวคุณแม่ก็ยังคงทำเช่นเดิมคือชี้แจงต่อศาลว่าคุณแม่ยังไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือทั้งทั้งที่ตนเองเคยได้มีการ โทรไปพูดคุยกับทางคุณแม่และชี้แจงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่กลับไปชี้แจงต่อศาลว่าไม่เคยรับรู้เรื่องพวกนี้เลยซึ่งทำให้พวกตนเองงง เป็นอย่างมาก

ขณะที่ในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องสองจำเลย มีการติดต่อไปยังคุณแม่จากการได้พูดคุยข้างบนห้องพิจารณา ยืนยันว่าทุกคนยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหา และขอสู้ในคดีแม้ว่าจะต้องสู้กันตามขั้นตอนที่ทำไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งในกรณีดังกล่าวไม่ถือว่ามีข้อเท็จจริงอยู่เลยแม้แต่นิด

ด้าน กระติก ระบุว่า ในกรณีที่ทางคุณแม่นำหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องรายได้ หรือสัญญาว่าจ้างรวมถึงรายการเดินบัญชีของทางแตงโม มายื่นประกอบคำร้องเรียกค่าเสียหาย ต้องมาดูในรายละเอียดตามแต่ละข้อว่า ว่าอะไรเป็นรายได้จากงานบ้าง ซึ่งในส่วนของประเด็นนี้คุณแม่ไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับงานของแตงโมมาก่อน

แต่สำหรับตนเองถ้าเกี่ยวกับเรื่องงานตนเองรู้ทั้งหมด เพราะสัญญาทุกฉบับที่ แตงโม มีการเซ็นตนเองผ่านมือมาทุกฉบับ แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมาทุกคนรู้อยู่แล้วว่าแตงโมมีภาวะปัญหาซึมเศร้า และมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการศัลยกรรมที่มีปัญหาทำให้ไม่ได้รับงานเลยจนเพิ่งกลับมารับงานได้ก่อนที่จะเสียชีวิตเป็นงานพรีเซ็นเตอร์ของผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ตนเองเป็นคนหามา

ซึ่งรายได้ดังกล่าวไม่ได้มากมาย เพราะต้องมีการหักให้กับทางคนกลางด้วย แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดขอใช้ในการต่อสู้ในชั้นศาล ส่วนรายได้จากการที่ออกรายการทอล์กโชว์ต่าง ๆ ทุกคนทราบกันอยู่แล้วว่าเรทราคาจะอยู่ที่ 15,000 บาท และตัวแตงโมเองก็ไม่ได้ออกรายการบ่อยมากนัก

ส่วนเรื่อง 179,000,000 บาท ที่คุณแม่มีการยื่นขอให้ทุกคนชดใช้ ตนเอง ไม่ตกใจเพราะเป็นสิทธิ์ที่คุณแม่สามารถยื่นได้ ส่วนจะสืบได้เท่าไหร่ก็คงได้เท่านั้น แต่เชื่อว่าที่เขียนมาก็เขียนไว้ก่อนเผื่อฟลุ๊ก แต่ตนเองมองว่าเป็นไปไม่ได้เนื่องจากเท่าที่ทราบมาตามข้อกฎหมายจะต้องตรวจสอบว่าผู้ตายเคยให้ หรือดูแลผู้เสียหายในจำนวนเท่าใด ซึ่งผู้เสียหายก็จะได้เพียงในส่วนที่เคยได้เท่านั้น

เพราะในส่วนของแตงโมช่วงที่ทำงานก็มีภาระรายจ่ายทั้งหนี้สิน รวมถึงค่าบ้าน และรถต่าง ๆ ที่ต้องจ่ายอยู่มาก ไม่ใช่ที่ได้นำเงินทั้งหมดจากการทำงานไปให้ทางคุณแม่

ส่วนรายได้ของแตงโมจะมีเท่าไหร่ตนเองไม่สามารถพูดได้ เพราะเป็นข้อมูลที่ต้องใช้ต่อสู้กับทางฝั่งคุณแม่ในขั้นตอนการพิจารณาคดี ซึ่งตนเองมั่นใจว่าสามารถพิสูจน์ในประเด็นนี้ได้ เพราะเป็นคนที่รู้เรื่องของรายได้ และการทำงานของแตงโมเป็นอย่างดี รวมถึงพี่สาวของตนเองก็เป็นคนดำเนินการในการจัดการกับรายจ่ายของ แตงโม มาทุกครั้งจึงรู้ตัวเลขทั้งหมดเป็นอย่างดี

ขอบคุณที่มา : ข่าวช่อง 3


Entertainment Addict Editorial Team
อ่านทั้งหมด