นางเอกสาวสุดแซ่บ ชิปปี้ ศิรินทร์ ที่วันนี้จะมาเผยความรัก 2 ปีกับแฟนหนุ่มนอกวงการ ที่บอกเลยว่าฝ่ายชายตามใจหนักมาก พร้อมไขข้อสงสัยทำไมถึงไม่ยอมเปิดหน้าสักที อีกทั้งย้อนเล่าอาการโรคซึมเศร้าอย่างหนัก ถึงขั้นคิดอยากจะออกจากวงการบันเทิง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง วัน31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และบูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ชิปปี้ตอนนี้แฮปปี้ไหม ?
ชิปปี้ : แฮปปี้ค่ะ
จริงไหมชิปปี้เคยป่วยโรคซึมเศร้า ?
ชิปปี้ : ใช่ค่ะ เคยเป็นอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนแรกเราไม่รู้หรอก เพราะเราเป็นคนที่ค่อนข้างอะเลิทมาก แฮปปี้ แล้วมีช่วงที่หนูเลิกกับแฟนเก่า หนูร้องไห้หนักจนมันรู้สึกเหนื่อยที่ต้องนั่งร้องไห้ทุกวัน จนเรารู้สึกว่าไม่ไหว จนเพื่อนพาเราไปหาหมอแล้วคุณหมอก็วินิจฉัยว่าเป็นซึมเศร้า
มันมีอะไรที่แปลกกว่าคนอกหัก ?
ชิปปี้ : มันไม่ใช่ร้องไห้ 15 นาที เราร้องไห้แบบ 3-4 ชั่วโมง แล้วเหนื่อย ร้องแบบหายใจไม่ทัน ร้องตอนไม่มีใครอยู่เหนื่อยแล้วก็หลับ หนูเป็นก่อนโควิดคือปี 2018
ร้องไห้แล้วในหัวเราได้คิดอะไรไหม หรือว่าเรานั่งอยู่พิไม่มีใครอยู่แล้วน้ำตาไหลออกมาเอง ?
ชิปปี้ : ใช่มันเป็นประมาณนั้น ในใจเรารู้อยู่แล้วว่าการเลิกกับแฟนมันเป็นยังไง แต่ว่าการที่มันร้องไห้โดยที่ใจเราโอเคกับการเลิกรา แล้วร้องมากขนาดนั้น เรารู้สึกว่าตัวเราไม่ปกติ แต่เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร
แล้วทำไมต้องร้องตอนที่ไม่มีใครอยู่ ?
ชิปปี้ : ชิปเป็นคนไม่ชอบใครคนอื่นมองว่าชิปอ่อนแอ ชิปจะรู้สึกอายเวลาชิปรู้สึกว่าชิปอ่อนแอ แต่พอทุกคนไม่อยู่ก็เป็นตัวเองได้เต็มที่
พอร้องไห้เสร็จแล้วโมเมนต์ไหนที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เราต้องไปหาหมอ ?
ชิปปี้ : เราไม่ได้คิดว่าเราไปหาหมอ เราคิดว่าเรารักเขามากมั้ง เราเลยเสียใจ แต่ว่าพอเราร้องจนเรารู้สึกเหนื่อย ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ ทำอะไรก็เหนื่อย จนเรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว แต่ไม่มีความคิดอยากจะฆ่าตัวตายนะ แต่เหมือนไม่ตื่นมาก็ได้ เพราะว่าตื่นมามันก็เหนื่อย
ณ ตอนนี้โอเคแล้วใช่ไหม ?
ชิปปี้ : โอเคมากค่ะ
สมัยก่อนจริงไหมมีปัญหาอะไร ปรึกษาแฟนตลอด ?
ชิปปี้ : ใช่ ทุกเรื่อง
แล้วพอวันนี้เขาไม่อยู่แล้ว เป็นยังไง ?
ชิปปี้ : มันเหมือนเซฟโซนของเราหายไป คือเราเป็นคนที่ไม่ดี เราไม่จำเป็นต้องบอกให้เพื่อนรู้ ให้เขามาแบกรับว่าเราคิดอย่างนี้ ๆ เราคิดมากเรื่องนี้ ฉะนั้นคนที่รู้ก็จะมีแค่แฟนเรา
แล้วตอนที่เราร้องไห้เยอะ ๆ เราปรึกษาใคร ?
ชิปปี้ : ก็มีคุยกับเพื่อน แต่ไม่เคยร้องไห้ให้เพื่อนเห็น
แต่เพื่อนคนพาไปหาหมอ ?
ชิปปี้ : ใช่ เพื่อนคงรู้แหละว่าชิปไม่แสดงความอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น
คุณหมอเห็นอะไรในตัวเราถึงวินิจฉัยว่าเป็นซึมเศร้า ?
ชิปปี้ : คุณหมอถามว่าเป็นยังไงบ้าง ร้องไห้ไปเลย 2 ชั่วโมง มันเหมือนแค่สะกิดนิดนึงก็ออกเลย คุณหมอก็ถามเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็วินิจฉัยว่าเป็นซึมเศร้า แต่ไม่ถึงขั้นฆ่าตัวตาย
ตอนนั้นแยกให้ออกนะ ระหว่างซึมเศร้ากับเลิกกับแฟน ?
ชิปปี้ : คือใจเรา เราเป็นคนเลือกเอง เพราะฉะนั้นเรารู้อยู่แล้วว่าความต้องการคือการอยู่คนเดียว แต่เราก็เข้าใจอยู่แล้วว่าการเลิกกับแฟนต้องเสียใจ แต่สิ่งที่เราร้องไห้มันไม่มีเหตุผล มันเป็นแต่เศร้า
แต่ไม่ได้เศร้าเพราะเลิกกับแฟน ?
ชิปปี้ : ใช่ค่ะ แต่มันอยู่ในช่วงที่เราเลิกกับแฟน คือมันเศร้าแบบไม่มีสติ คนเราทุกอย่างมันต้องมีสติ เรามีสติแต่เราไม่รู้ว่าทำไมเราร้องไห้ขนาดนั้น
พอคุณหมอให้ยามากิน เราก็มีความคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่อยากตื่น ไม่อยากทำงานแล้ว ไม่อยากทำงานในวงการบันเทิงแล้วใช่ไหม ?
ชิปปี้ : ใช่ค่ะ จริง ๆ มันมีหลายเคส เพราะว่าช่วงที่ชิปเริ่มกินยา เวลาไปถ่ายละคร พอเราเริ่มปรับเคมีในสมอง เวลาเราเล่นละครเราต้องนึกภาพว่าเราเศร้า มันไม่สามารถร้องไห้ได้ เพราะเหมือนตัวยามันกดไม่ให้เราเศร้า แต่ก็ต้องทำให้ได้ พอเราร้องไห้ได้ทีนี้มันหยุดไม่อยู่ เหมือนเราไปขุดความเศร้าขึ้นมาอีก พอคัทแล้วเรารู้สึกว่าเรายังดิ่งอยู่ เราพยายามหยุดน้ำตา แต่ข้างในมันยังเศร้า หดหู่ จนเรารู้สึกว่าอยู่บ้านก็เหนื่อย ออกไปทำงานก็เหนื่อย จนเราคิดว่าหรือว่าเราจะเลิกเล่นละครดี เพราะมันเหนื่อยจริง ๆ กับการที่เราต้องร้องไห้
รักษาอยู่นานไหม ?
ชิปปี้ : เกือบ ๆ 2 ปี
ตอนนั้นได้ทำงานไหม หรือตัดสินใจรักษาตัวเองก่อน ?
ชิปปี้ : มีทำงาน ถ่ายละคร มีรายการบ้าง ซึ่งช่วงนั้นพอชิปกิน ชิปรู้สึกมีความสุข ชิปก็มีการหยุดยา เพราะชิปรู้สึกว่าชิปโอเคแล้ว เราไม่ต้องพึ่งยาแล้ว เราหยุดเองโดยไม่ปรึกษาหมอ สุดท้ายมันสวิง คือซึมเศร้าหนักกว่าเดิม เรารู้สึกว่าหนักขึ้น เพราะเราเข้าใจว่าเวลากินยาก็เหมือนเป็นหวัด หายก็หยุด ไม่มีใครมาบอกชิปว่าห้ามหยุดยาเอง เราคิดว่าเราโอเคแล้ว เราเลยไม่ได้ไปหาหมอ
เรากินยานานขนาดไหนถึงหยุด ?
ชิปปี้ : น่าจะประมาณ 2-3 เดือน แล้วกลับมาถ่ายละคร ก็ร้องไห้หนัก แล้วรู้สึกว่าครั้งนี้มันหนักกว่าเดิม มันรู้สึกว่าดิ่งกว่าเดิม
ก็เลยกลับไปหาหมอ ?
ชิปปี้ : ใช่ค่ะ คุณหมอก็เปลี่ยนยาให้ แล้วบอกว่าห้ามหยุดยาเองอีก
จริงไหมเรื่องนี้พ่อแม่ไม่รู้เลย ?
ชิปปี้ : ตอนแรกไม่รู้ หนูจะอยู่บ้านกับแม่บ้าน แล้วที่คุณพ่อคุณแม่รู้ เพราะคุณแม่โทรหาหนูแล้วหนูไม่รับสาย เขาก็โทรหาแม่บ้านหนูว่าน้องทำอะไรอยู่ คือแม่บ้านก็เหมือนพี่เลี้ยงด้วย เขาก็ไปโรงพยาบาลกับหนู แล้วตอนที่ปรึกษาคุณหมออยู่ คุณแม่ก็โทรมา แล้วเราก็ไม่ได้รับ เราใจตุบตับแล้วว่าเขาจะโทรหาแม่บ้านไหม แม่บ้านจะบอกไหม แล้วเราก็ออกมาจากห้องคุณหมอก็ถามว่าคุณแม่ได้โทรมาไหม เราก็ถามว่าได้บอกไหมว่าทำอะไร ก็บอกว่าอยู่โรงพยาบาลเป็นซึมเศร้า แล้วชิปก็บอกว่าบอกทำไม
ทำไมตอนนั้นชิปถึงตัดสินใจว่าไม่บอกคุณพ่อคุณแม่ ?
ชิปปี้ : เพราะอย่างที่บอกว่าชิปไม่อยากให้ใครรู้ว่าชิปอ่อนแอ
แล้วคุณพ่อคุณแม่ว่ายังไง หลังจากรู้ว่าชิปป่วย ?
ชิปปี้ : คุณพ่อคุณแม่ตอนนี้เขาอยู่เชียงใหม่ พอเขารู้เขาก็บินมาหา แล้วเขาก็บอกว่าทำไมถึงไม่บอกฉัน เป็นห่วงนะ มีอะไรก็คุยกับหม่ามี๊ แด๊ดดี้ได้ ชิปก็เศร้า หนูไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจเลย แต่พอตอนนี้เขารู้แล้ว เราก็เลยรู้ว่าครอบครัวหรือเพื่อนมีส่วนเยอะมาก ที่ทำให้หนูรู้สึกไม่ได้อยู่คนเดียว หนูสามารถหายได้
ช่วงที่เป็นน้ำหนักขึ้น 10 โล ?
ชิปปี้ : ใช่ คือตอนแรกน้ำหนักลงก่อนประมาณ 4 กิโล แล้วพอกินยา อยู่ดี ๆ 3-4 เดือน น้ำหนักหนูขึ้น 6 โล 8 โล 10 โล ในระยะเวลาที่เร็วมาก แล้วหนูก็ถามคุณหมอว่าตอนนี้บวมน้ำมาก
ตอนนั้นยิ่งเครียดเลยไหม ?
ชิปปี้ : ไม่เครียดเลย เพราะกินยาทุกวัน เพราะฉะนั้นอะไรก็ไม่สามารถมากระทบได้ แล้วพอเราไม่ได้เจอคนเยอะ เพราะตอนนั้นโควิด พอไม่ต้องเจอคนเยอะเราก็ไม่ต้องมานั่งยิ้มให้ทุกคนว่าเราโอเค
แล้วกลับมาสวยแบบนี้นานไหม ?
ชิปปี้ : ใช้เวลานะคะ แต่ชิปไม่ได้สนใจว่าชิปจะอ้วนหรืออะไร ชิปรู้สึกว่าอ้วนก็ได้ถ้ามีความสุข ถ้าหายจากการเป็นซึมเศร้าชิปโอเค
ตอนนี้ชิปหายแล้ว ?
ชิปปี้ : หายแล้ว
ใช้เวลารักษานานขนาดไหน ?
ชิปปี้ : ประมาณเกือบ 2 ปี ต้องพูดตรง ๆ ว่าครั้งสุดท้ายชิปก็ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะตอนนั้นเป็นโควิดเลิกยาเองอีก แต่ว่าเป็นช่วงที่เรากิน 2 วันที 3 วันที ยังเหลือยาด้วยนะ แต่เรารู้สึกว่าเราโอเคมากพอแล้ว
ความรักครั้งใหม่ กับคนนี้กี่ปีแล้ว ?
ชิปปี้ : ปีกว่า ๆ ค่ะ แฮปปี้มากค่ะ
คนนี้เข้ามาได้ยังไง ?
ชิปปี้ : ตอนแรกเราพยายามเปิดใจให้คนอื่น ๆ แต่เรารู้สึกว่าเราก็ไม่ชอบใครสักคนเลย แล้วเราก็คิดว่าอันนี้เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถอยู่คนเดียว เรียนรู้ตัวเอง แล้วอยู่คนเดียวมันก็แฮปปี้ ไม่ต้องมานั่งคิดถึงใคร
แล้วอะไรทำให้เขาเข้ามาในชีวิตเรา ?
ชิปปี้ : เข้ามาในแบบเพื่อนก่อน คือเป็นเพื่อนของเพื่อน แต่หนูรู้ว่าเขาชอบหนู แต่เขาไม่ได้จีบแบบนั้น เพราะชิปบอกเลยว่าไม่ได้ชอบยูนะ ชิปเป็นคนตรงมาก ถ้าเกิดเขาไม่รู้จักชิป แล้วเขามาชอบชิปได้ยังไง เขาไม่รู้ว่านิสัยชิปเป็นยังไง
ตัวอักษรย่อเขาคืออะไร ?
ชิปปี้ : pk ค่ะ
เขาจีบยังไง ?
ชิปปี้ : ถ้าเกิดเขาชอบชิป รุกชิป ชิปไม่ชอบหรอกนะ เขาก็เหมือนเป็นเพื่อน เราก็โอเค เป็นเพื่อนกัน เขาแทบจะไม่จีบเหมือนเพื่อนคุยกันธรรมดา
แล้วสุดท้ายเขาชนะใจเราได้ยังไง ?
ชิปปี้ : ไม่ใช่ว่าชิปไม่เปิดใจแบบนั้นเพราะชิปพยายามเปิดใจกับคนอื่นมาแล้ว แล้วชิปรู้สึกว่าชิปไม่ชอบ แล้วชิปก็รู้สึกว่าคนนี้ชิปก็คงไม่ชอบหรอกก็เป็นเพื่อนไป แต่พอเหมือนอยู่ด้วยกันแล้วมันโอเค ไม่ได้มีความรู้สึกเขาชอบเรา เราชอบเขา เราเขินเขา มันไม่มีเลย มันมีแต่ทำอะไรทำ เป็นตัวเองมาก ๆ
นานไหมกว่าความรู้สึกนี้จะเปลี่ยน ?
ชิปปี้ : จริง ๆ ก็ไม่นานนะ 2-3 เดือน ก็รู้แล้ว ถามว่าช่วงนั้นอะไรทำให้เราเปลี่ยนไป น่าจะเป็นความรู้สึก
หรือเป็นเพราะเขาหายไป ?
ชิปปี้ : เขาไม่ได้หายไป แต่ด้วยความที่มันเป็นแบบเพื่อน เราจะไม่ได้คุยด้วยกันตลอด เรารู้สึกว่าอยากคุย อยู่กับเขาแล้วสบายตัวแบบบอกไม่ถูก ไม่ต้องเฟคว่าต้องแต่งหน้าทำผม
เขามาขอเราเป็นแฟนหลายครั้ง ?
ชิปปี้ : ค่ะ แต่หนูไม่ค่อยจำดีเทลอะไร เอาจริง ๆ ตอนแรกชิปถามเขาว่าเมื่อไหร่จะขอหนูเป็นแฟน
แล้วทำไมตอนเขาถามเราไม่เป็น ?
ชิปปี้ : ชิปแค่ถามเขาว่าเมื่อไหร่จะขอ แต่พอเขาขอแล้วรู้สึกแบบ คืออันนี้อาจจะเป็นแค่ชิปที่เป็นคนดื้อ เอาแต่ใจ
ตัวเองเป็นคนถามว่าเมื่อไหร่จะขอเป็นแฟน แต่พอขอปุ๊บเราบอกว่า ?
ชิปปี้ : ไม่ ขอใหม่นะ ทำไมแค่ขอเป็นแฟนทำไมขอปากเปล่า ทำไมไม่ให้ไอรู้สึกสเปเชียลนิดนึง ครั้งที่ 2 ก็เหมือนกัน แต่อันนี้หนูต้องบอกก่อนว่าหนูเทสเขาค่อนข้างเยอะ ชิปรู้ว่าชิปเป็นคนที่อาจจะอยู่ด้วยยากนิดนึง
อธิบายคำว่าเทสหน่อย ?
ชิปปี้ : เหมือนเราเยอะใส่ก่อนเลยในช่วงที่เขาเข้าหาเราหรือคุยกับเรา ให้เขารู้ว่าคบกับเรามันไม่ได้ง่ายนะ แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว ตอนนี้เราก็ไนซ์กับเขามาก หนูก็ย้อนถามเขานะว่าตอนนั้นคิดยังไง เขาก็บอกว่าเยอะกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ครั้งที่สองเราก็ตอบว่าไม่ จนพี่สาวชิปเคยเจอ เขาบอกว่าชิปถ้ายูทำแบบนี้ เดี๋ยวเขาก็ไม่เอายูหรอก อย่าเล่นตัวเยอะ คนดี ๆ ก็ยอม ๆ เขาหน่อย
สุดท้ายยอมเป็นแฟน เพราะเขาหรือพี่สาว ?
ชิปปี้ : จริง ๆ ก่อนที่จะเป็นแฟน ชิปให้ทุกคนเจอที่บ้านหมดเลย ให้รู้ว่าคนนี้เป็นยังไง เพราะไม่อยากเอาเป็นแฟน แล้วไปเจอที่บ้านไม่โอเค แต่ที่บ้านโอเคมาก
แล้วครั้งที่สาม ?
ชิปปี้ : พี่สาวหนูไปฟ้องแม่หนูว่าชิปเล่นตัวเยอะมาก แต่ครั้งที่สามเขาเตรียมดอกไม้ เตรียมขนมจุกจิกมาให้ แต่จริง ๆ หนูอยากเป็นแฟนกับเขาตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว แต่หนูก็เล่นตัวไปก่อน ตอนที่เขาขอเป็นแฟน เหมือนเขาไม่ได้พูด แต่เขียนไว้ในการ์ด เราก็ตอบว่าโอเค
คนนี้เขาน่ารักยังไง ?
ชิปปี้ : เรารู้ว่าเขาคิดยังไงแต่หนูชอบที่หนูได้แกล้งเขา เพราะเราเริ่มต้นมาในแบบเพื่อน
ณ วันนี้เรายังเข้าใจยากเหมือนเดิมไหม ?
ชิปปี้ : พยายามมีเหตุผลมากขึ้น เพราะเขาค่อนข้างที่จะมีเหตุผล
จริง ๆ ชิปไม่อยากได้ผู้ชายที่นิสัยเหมือนพ่อ แต่คนนี้โคลนนิ่งพ่อมาเลย ?
ชิปปี้ : จริง คือหลาย ๆ อย่างตอนเด็ก ๆ เราคุยกับคุณแม่ว่าทำไมแด๊ดดี้เป็นแบบนี้ ถ้าหนูมีแฟนเหมือนแด๊ดดี๊หนูไม่คบ หนูเลิกเลย คือมายเซ็ตเขา สิ่งที่เขาชอบคล้ายคุณพ่อมาก ไลฟ์สไตล์เหมือนคุณพ่อ ตอนแรกเราก็รู้สึกนะว่าคล้ายแด๊ดดี้มาก ชอบกิน ชอบดูอะไรคล้าย ๆ กัน หนูก็บอกกับหม่ามี๊ว่าหนูไม่อยากคบกับคนที่เหมือนแด๊่ดี๊ แต่เนี่ยพี่เขาเหมือนแด๊ดดี้มากเลย
ทีมงานบอกว่าชิปปี้มีความสามารถในการง้อแฟน ?
ชิปปี้ : จริง ๆ เราไม่ค่อยทะเลาะกัน
บอกกับผู้ชายคนนี้หน่อย รักเขาขนาดไหน ?
ชิปปี้ : ไม่บอกหรอก เดี๋ยวไปบอกกันเอง
ทำไมยังไม่เปิดตัวแฟน ?
ชิปปี้ : เขาไม่ได้เป็นคนในวงการ เป็นนักธุรกิจ แล้วเขาไม่ได้อยากเป็นซัมวัน ไอจีเขาแทบจะไม่เล่นด้วยซ้ำ เขาโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา ฉะนั้นเขาไม่สนใจอยู่แล้วกับการที่ไม่มีรูปในโซเชียลของชิป เพราะว่าจริง ๆ ในโทรศัพท์ชิปมีแต่รูปเขา เขาไม่งอน